วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554

จับมือธนาคารยามานาชิ ชูโอ สนับสนุนนักธุรกิจญี่ปุ่นลงทุนในประเทศไทย

ธนาคารกรุงเทพเดินหน้าขยายเครือข่ายพันธมิตรธนาคารญี่ปุ่นสู่รายที่ 18 ล่าสุดจับมือธนาคารยามานาชิ ชูโอ ธนาคารยักษ์ใหญ่จากจังหวัดยามานาชิ มั่นใจช่วยดึงดูดนักธุรกิจญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทยได้มากขึ้น พร้อมให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ลูกค้าของธนาคารยามานาชิ ชูโออย่างเต็มที่
นายฮิโตชิ โอซาวา ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับธนาคารยามานาชิ ชูโอ ธนาคารระดับภูมิภาคที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดยามานาชิ และนับเป็นธนาคารญี่ปุ่นแห่งที่ 18 ที่ธนาคารกรุงเทพได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งส่งผลให้ปัจจุบันธนาคารกรุงเทพสามารถขยายเครือข่ายครอบคลุมภูมิภาคสำคัญทั่วประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้การร่วมมือระหว่างธนาคารทั้งสองแห่งในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนจากจังหวัดยามานาชิสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดยธนาคารกรุงเทพพร้อมให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ลูกค้าของธนาคารยามานาชิ ชูโอ ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
“ปัจจุบันนักธุรกิจญี่ปุ่นต้องการที่จะออกไปลงทุนนอกประเทศ เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักธุรกิจเหล่านี้ต้องพยายามลดความเสี่ยงด้วยการขยายฐานการผลิตไปยังประเทศต่างๆ ซึ่งประเทศไทยนับเป็นตลาดที่ได้รับความสนใจ และคาดว่าความร่วมมือระหว่างธนาคารทั้งสองแห่งในครั้งนี้จะยิ่งกระตุ้นให้นักธุรกิจญี่ปุ่นต้องการลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น เนื่องจากความร่วมมือครั้งนี้ยังครอบคลุมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลและดำเนินงานร่วมกันเพื่อให้คำแนะนำแก่ลูกค้าที่ต้องการเข้ามาลงทุน”
ความร่วมมือครั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้ธนาคารยามานาชิ ชูโอ และธนาคารกรุงเทพ ได้กระชับความสัมพันธ์ทางธุรกิจให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยมีเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะช่วยสนับสนุนภาคธุรกิจญี่ปุ่นด้วยบริการทางการเงินที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม และเมื่อเร็วๆ นี้คณะผู้บริหารของธนาคารยามานาชิ ชูโอ ได้เดินทางมาประเทศไทยเพื่อเข้าพบนายเดชา ตุลานันท์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ พร้อมทั้งเรียนเชิญนายฮิโตชิ บรรยายพิเศษในงานสัมมนาทางธุรกิจเกี่ยวกับโอกาสการลงทุนในประเทศไทย ณ เมืองโคฟุ เมืองหลวงของจังหวัดยามานาชิ ซึ่งนายฮิโตชิ ได้ใช้โอกาสนี้ให้ข้อมูลที่ครอบคลุมทั้ง สถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศไทย ปัจจัยที่ควรพิจารณาสำหรับนักธุรกิจที่ต้องขยายการลงทุน ตลอดจนการใช้ประโยชน์จากสถาบันการเงินท้องถิ่นในประเทศไทย และผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ธนาคารกรุงเทพพร้อมสนับสนุนแก่นักธุรกิจญี่ปุ่น
อนึ่ง ธนาคารยามานาชิ ชูโอ เป็นธนาคารที่ดำเนินนโยบายทางธุรกิจโดยมุ่งเน้นการเป็นธนาคารท้องถิ่นที่แข็งแกร่งและยึดมั่นในแนวทางการบริหารเพื่อความยั่งยืน นอกจากนี้ธนาคารยามานูชิ ชูโอ เป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นหลัก ทำให้ธนาคารมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้า ขณะเดียวกันมุ่งสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เจริญเติบโต ตลอดจนมุ่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินเพื่อรักษาความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีต่อธนาคาร โดยสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองโคฟุ จังหวัดยามานาชิ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อนายฮิโรชิ ชิมามูระ ธุรกิจลูกค้าญี่ปุ่น ธนาคารกรุงเทพ

โทรศัพท์ 0-2353-5084 อีเมล์ hiroshi.shi@bbl.co.thที่มา:http://www.bangkokbank.com/.วันที่ 13 กันยายน พ.ศ 2554

สรุป:

ธนาคารกรุงเทพเดินหน้าขยายเครือข่ายพันธมิตรธนาคารญี่ปุ่นสู่รายที่ 18 ล่าสุดจับมือธนาคารยามานาชิ ชูโอ ธนาคารยักษ์ใหญ่จากจังหวัดยามานาชิ มั่นใจช่วยดึงดูดนักธุรกิจญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทยได้มากขึ้น พร้อมให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ลูกค้าของธนาคารยามานาชิ ชูโออย่างเต็มที่
นายฮิโตชิ โอซาวา ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับธนาคารยามานาชิ ชูโอ ธนาคารระดับภูมิภาคที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดยามานาชิ และนับเป็นธนาคารญี่ปุ่นแห่งที่ 18 ที่ธนาคารกรุงเทพได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งส่งผลให้ปัจจุบันธนาคารกรุงเทพสามารถขยายเครือข่ายครอบคลุมภูมิภาคสำคัญทั่วประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้การร่วมมือระหว่างธนาคารทั้งสองแห่งในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนจากจังหวัดยามานาชิสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดยธนาคารกรุงเทพพร้อมให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ลูกค้าของธนาคารยามานาชิ ชูโอ ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย

ความร่วมมือครั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้ธนาคารยามานาชิ ชูโอ และธนาคารกรุงเทพ ได้กระชับความสัมพันธ์ทางธุรกิจให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยมีเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะช่วยสนับสนุนภาคธุรกิจญี่ปุ่นด้วยบริการทางการเงินที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม และเมื่อเร็วๆ นี้คณะผู้บริหารของธนาคารยามานาชิ ชูโอ ได้เดินทางมาประเทศไทยเพื่อเข้าพบนายเดชา ตุลานันท์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ พร้อมทั้งเรียนเชิญนายฮิโตชิ บรรยายพิเศษในงานสัมมนาทางธุรกิจเกี่ยวกับโอกาสการลงทุนในประเทศไทย ณ เมืองโคฟุ เมืองหลวงของจังหวัดยามานาชิ ซึ่งนายฮิโตชิ ได้ใช้โอกาสนี้ให้ข้อมูลที่ครอบคลุมทั้ง สถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศไทย ปัจจัยที่ควรพิจารณาสำหรับนักธุรกิจที่ต้องขยายการลงทุน ตลอดจนการใช้ประโยชน์จากสถาบันการเงินท้องถิ่นในประเทศไทย และผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ธนาคารกรุงเทพพร้อมสนับสนุนแก่นักธุรกิจญี่ปุ่น

มอบเงิน 5 ล้านบาท ผ่านนายกรัฐมนตรี ร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม พร้อมเปิดบัญชีรองรับแรงใจ




นายอภิชาต รมยะรูป ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ (ที่ 2 จากซ้าย) และนางปฏิมา ชวลิต เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Senior Vice President (ซ้าย) ตัวแทนนายชาตรี โสภณพนิช ประธานกรรมการ และนายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) มอบเงินจำนวน 5,000,000 บาท (ห้าล้านบาทถ้วน) ผ่าน ฯพณฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (ที่ 2 จากขวา) นายกรัฐมนตรี เพื่อร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ในงาน “รวมพลังไทย ช่วยภัยน้ำท่วม” พร้อมกันนี้ได้ดำเนินการเปิดบัญชีกระแสรายวัน ชื่อบัญชี “ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม” เลขที่ 101-3-43033-3 สำนักงานใหญ่สีลม รองรับการโอนเงินจากลูกค้าและประชาชนทั่วไปผ่านสาขาทั่วประเทศ โดยยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนเงิน ทั้งนี้สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายการประชาสัมพันธ์ โทร.0-2626-3353 หรือบริการบัวหลวงโฟน โทร.1333

ที่มา :http://www.bangkokbank.com/.วันที่ 15 กันยายน พ.ศ 2554

สรุป :

นายอภิชาต รมยะรูป ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ และนางปฏิมา ชวลิต เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Senior Vice President ตัวแทนนายชาตรี โสภณพนิช ประธานกรรมการ และนายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) มอบเงินจำนวน 5,000,000 บาท ผ่าน ฯพณฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ในงาน “รวมพลังไทย ช่วยภัยน้ำท่วม” พร้อมกันนี้ได้ดำเนินการเปิดบัญชีกระแสรายวัน ชื่อบัญชี “ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม” เลขที่ 101-3-43033-3 สำนักงานใหญ่สีลม รองรับการโอนเงินจากลูกค้าและประชาชนทั่วไปผ่านสาขาทั่วประเทศ โดยยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนเงิน 

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

ธนาคารกรุงเทพ ปรับเพิ่มดอกเบี้ยเงินฝากสูงสุด 0.250% เงินกู้เพียง 0.125% มีผล 1 ก.ย. นี้

ธนาคารกรุงเทพ สนองแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ให้ประโยชน์กับลูกค้า ประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำทุกระยะเวลา เพิ่มขึ้นสูงสุด 0.250% ด้านเงินกู้เพียง 0.125% มีผลเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2554

นายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้มีการประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ทุกประเภท ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นทั้ง 2 ด้าน

ด้านเงินฝากประจำ ทั้งประเภทบุคคลธรรมดา นิติบุคคลไม่แสวงหากำไร และนิติบุคคลอื่น ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุด 0.250%

- เงินฝากประจำ 14 วัน จาก 1.875-2.250% เป็น 2.000-2.375%
- เงินฝากประจำ 30 วัน จาก 1.875-2.250% เป็น 2.000-2.375%
- เงินฝากประจำ 3 เดือน จาก 1.875-2.000% เป็น 2.000-2.250%
- เงินฝากประจำ 6 เดือน จาก 2.125-2.375% เป็น 2.375-2.625%
- เงินฝากประจำ 12 เดือน จาก 2.500-2.750% เป็น 2.750-3.000%
- เงินฝากประจำ 24 เดือน จาก 3.000% เป็น 3.125%
- เงินฝากประจำ 36 เดือน จาก 3.250% เป็น 3.375%

และสำหรับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ มีการประกาศปรับอัตราดอกเบี้ย ดังนี้

- อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (Minimum Loan Rate) หรือ MLR
จาก 7.125% เป็น 7.250%
- อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (Minimum Overdraft Rate) หรือ MOR
จาก 7.375% เป็น 7.500%
- อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate) หรือ MRR จาก 7.875% เป็น 8.000%

โดยทั้งหมดมีผลเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2554

ที่มา:http://www.bangkokbank.com.31สิงหาคม

สรุป

ธนาคารกรุงเทพ มีแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น และมีการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากทุกระยะเวลา เพิ่มขึ้นสูงสุด 0.250% ด้านเงินกู้เพียง 0.125% มีผลเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2554

ดูภาพเช็คสั่งจ่ายได้ง่ายๆ ผ่านบริการบัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง

ธนาคารกรุงเทพ นำเสนอบริการใหม่สุดไฮเทคเอาใจลูกค้ายุคไอที ด้วยการเรียกดูภาพเช็คออนไลน์ได้ง่ายๆ ผ่านบัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง และบิซ ไอแบงก์กิ้ง มอบความสะดวกสบายแก่ลูกค้าให้สามารถตรวจสอบรายละเอียดเช็คที่
สั่งจ่ายได้ทุกที่ทุกเวลา

นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงิน ได้พัฒนาบริการใหม่ที่จะทำให้ชีวิตของลูกค้าง่ายยิ่งขึ้น ด้วยบริการตรวจดูภาพเช็คสั่งจ่ายจากรายการบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน ผ่านบริการบัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง และบิซ ไอแบงก์กิ้ง โดยลูกค้าสามารถตรวจสอบรายละเอียดเช็คที่สั่งจ่ายได้ง่ายๆ ทุกที่ทุกเวลา และสามารถสั่งพิมพ์ภาพเช็คได้ ช่วยให้การทำธุรกรรมทางการเงินของลูกค้าสะดวกสบายและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ยุคไอทีที่ใช้เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตในชีวิตประจำวัน

“ธนาคารกรุงเทพเป็นธนาคารแห่งแรกที่ได้ทำการพัฒนาระบบการแสดงภาพเช็คอย่างต่อเนื่อง โดยในเบื้องต้นจะให้บริการเรียกดูภาพเช็คที่เข้าระบบเคลียริ่งในเขตนครหลวง โดยลูกค้าบัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง และบิซ ไอแบงก์กิ้ง สามารถเรียกดูภาพเช็คย้อนหลังได้นานถึง 180 วัน ด้วยขั้นตอนง่ายๆ เพียงแค่คลิกตรงเลขที่เช็คในรายการบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน ก็สามารถเรียกดูภาพเช็คได้แล้ว”

นายวีระศักดิ์ สุตัณฑวิบูลย์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้อำนวยการธุรกิจลูกค้ารายกลางนครหลวง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า บริการตรวจดูภาพเช็คสั่งจ่ายผ่านบัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง และบิซ ไอแบงก์กิ้ง เป็นนวัตกรรมทางการเงินใหม่ล่าสุดที่ธนาคารพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอีที่ใช้เช็คในการทำธุรกรรมทางการเงินอยู่เป็นประจำ โดยบริการนี้จะช่วยให้การบริหารจัดการด้านการเงินของผู้ประกอบการมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพมุ่งมั่นสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอีด้วยผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินอันหลากหลาย ให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนและมั่นคง

สำหรับลูกค้าทั่วไปสามารถสมัครใช้บริการบัวหลวง ไอแบงก์กิ้งได้ง่ายๆ ผ่าน 2 ช่องทางคือ สมัครผ่านเครื่องเอทีเอ็มธนาคารกรุงเทพทุกแห่ง หรือกรอกใบสมัครแล้วยื่นที่สาขาธนาคารกรุงเทพ โดยรับใบสมัครได้ที่สาขา หรือดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.bangkokbank.com/ibanking ส่วนลูกค้านิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจการค้า สามารถสมัครใช้บริการบิซ ไอแบงก์กิ้ง โดยสั่งพิมพ์ใบสมัครและดูรายละเอียดจาก www.bangkokbank.com/bizibanking หรือติดต่อได้ที่สำนักธุรกิจและสาขาธนาคารกรุงเทพ




ที่มา:http://www.bangkokbank.com. 6 กันยายน 2554




สรุป


ธนาคารกรุงเทพได้นำเสนอบริการใหม่เอาใจลูกค้ายุคไอทีด้วยการเรียกดูภาพเช็คออนไลน์ได้ง่ายๆ ผ่านบัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง และบิซ ไอแบงก์กิ้ง มอบความสะดวกสบายแก่ลูกค้าให้สามารถตรวจสอบรายละเอียดเช็คที่สั่งจ่ายได้ทุกที่ทุกเวลา

“ธนาคารกรุงเทพเป็นธนาคารแห่งแรกที่ได้ทำการพัฒนาระบบการแสดงภาพเช็คอย่างต่อเนื่อง โดยในเบื้องต้นจะให้บริการเรียกดูภาพเช็คที่เข้าระบบเคลียริ่งในเขตนครหลวง โดยลูกค้าบัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง และบิซ ไอแบงก์กิ้ง สามารถเรียกดูภาพเช็คย้อนหลังได้นานถึง 180 วัน ด้วยขั้นตอนง่ายๆ เพียงแค่คลิกตรงเลขที่เช็คในรายการบัญชีเงินฝาก
กระแสรายวัน ก็สามารถเรียกดูภาพเช็คได้แล้ว”

วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ธนาคารกรุงเทพ เปิดสาขา ‘อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์-รพ.รามาธิบดี’ นำเสนอบริการทางการเงินที่ทันสมัย ครอบคลุมทุกความต้องการ



นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ที่ 6 จากขวา) นายปิติ สิทธิอำนวย กรรมการธนาคาร (ที่ 3 จากซ้าย) นายอมร จันทรสมบูรณ์ กรรมการธนาคาร (ที่ 4 จากซ้าย) พร้อมคณะผู้บริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับ ศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน คณบดีคณะแพทยศาสตร์ (ที่ 5 จากซ้าย) ศาสตราจารย์แพทย์หญิง สุวรรณา เรืองกาญจนเศรษฐ์ รองคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กรและผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์สิริกิติ์ (ที่ 5 จากขวา) พร้อมคณะแพทย์และผู้บริหาร โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ในโอกาสให้เกียรติร่วมเป็นประธานเปิดธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์-รพ.รามาธิบดี ที่เริ่มเปิดให้บริการทางการเงินที่ทันสมัย ตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าผู้มาใช้บริการอาคารศูนย์การแพทย์ สมเด็จพระเทพรัตน์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งเป็นศูนย์ความเป็นเลิศด้านการแพทย์เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนของคนไทย โดยมีนางสุจิตรางามพาณิชย์ ผู้จัดการสาขา คอยให้การต้อนรับ
สรุป
 กรรมการธนาคารและคณะผู้บริหารธนาคารกรุงเทพได้ให้การตอบรับคณบดีคณะแพทยศาสตร์รองคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กรและผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์สิริกิติ์ พร้อมคณะแพทย์และผู้บริหาร โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เนื่องในโอกาศเปิดธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์-รพ.รามาธิบดี สาขาใหม่   เริ่มเปิดให้บริการทางการเงินที่ทันสมัย ตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าผู้มาใช้บริการอาคารศูนย์การแพทย์ สมเด็จพระเทพรัตน์

วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ธนาคารกรุงเทพ เอาใจลูกค้ารักการออมอย่างต่อเนื่อง ด้วยบัญชีเงินฝากประจำระยะเวลา 11 เดือน อัตราดอกเบี้ยสูงถึง 3.75% ต่อปี โดยยอดเงินเปิดบัญชีขั้นต่ำเพียง 200,000 บาท นับเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่าแก่ลูกค้าเงินฝาก


    นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการที่ธนาคารได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในผลิตภัณฑ์เงินฝากทุกประเภทจากลูกค้าเสมอมา ธนาคารจึงได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เงินฝากที่พร้อมให้ผลตอบแทนอย่างคุ้มค่าอย่างต่อเนื่องสำหรับลูกค้าผู้รักการออม ด้วยผลิตภัณฑ์บัญชีเงินฝากประจำ ระยะเวลา 11 เดือน อัตราดอกเบี้ย 3.75% ต่อปี กำหนดจำนวนเงินฝากขั้นต่ำเพียง 200,000 บาท โดยธนาคารจะจ่ายดอกเบี้ยเมื่อครบระยะเวลาการฝาก เริ่มตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2554 ถึง 29 กรกฎาคม 2554
    การสร้างสรรค์บัญชีเงินฝากประจำ 11 เดือนในครั้งนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการทางด้านการเงินของลูกค้าที่เน้นการลงทุนในด้านการออมอย่างต่อเนื่อง โดยธนาคารเชื่อมั่นว่าด้วยข้อเสนอในด้านของอัตราดอกเบี้ยที่สูงจูงใจ ด้วยจำนวนเงินฝากขั้นต่ำเพียง 200,000 บาท จะสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ลูกค้าที่สนใจสามารถเปิดบัญชีเงินฝากประเภทดังกล่าวได้ที่ธนาคารกรุงเทพ ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บัวหลวงโฟน โทร.1333 และ www.bangkokbank.com’
ที่มา:ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 22 สิงหาคม 2554
สรุปข่าว
ธนาคารจึงได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เงินฝากที่พร้อมให้ผลตอบแทนอย่างคุ้มค่าอย่างต่อเนื่องสำหรับลูกค้าผู้รักการออม ด้วยผลิตภัณฑ์บัญชีเงินฝากประจำ ระยะเวลา 11 เดือน อัตราดอกเบี้ย 3.75% ต่อปี กำหนดจำนวนเงินฝากขั้นต่ำเพียง 200,000 บาท โดยธนาคารจะจ่ายดอกเบี้ยเมื่อครบระยะเวลาการฝาก เริ่มตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2554 ถึง 29 กรกฎาคม 2555
การสร้างสรรค์บัญชีเงินฝากประจำ 11 เดือนในครั้งนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการทางด้านการเงินของลูกค้าที่เน้นการลงทุนในด้านการออมอย่างต่อเนื่อง โดยธนาคารเชื่อมั่นว่าด้วยข้อเสนอในด้านของอัตราดอกเบี้ยที่สูงจูงใจ ด้วยจำนวนเงินฝากขั้นต่ำเพียง 200,000 บาท จะสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี 

วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ธนาคารกรุงเทพ สนับสนุนวงเงินสินเชื่อ 1.2 พันล้านบาท บมจ.ฐิติกร ขยายธุรกิจเช่าซื้อจักรยานยนต์และรถยนต์ทั่วประเทศ




นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ที่ 3 จากขวา) นายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ (ขวา) และนางอัมพร ปุรินทวรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ (ที่ 2 จากขวา) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามกับ นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ(ที่ 2 จากซ้าย) และนายประพล พรประภา รองกรรมการผู้จัดการ (ซ้าย) บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) ในสัญญาสนับสนุนวงเงินสินเชื่อ 1,200 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ทั่วประเทศและรถยนต์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยได้รับเกียรติจาก นายปิติ สิทธิอำนวย กรรมการ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (กลาง) และ ดร.ชุมพล พรประภา ประธานกรรมการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) (ที่ 3 จากซ้าย) ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธี ทั้งนี้ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุด ของประเทศไทย มีส่วนแบ่งการตลาดในเขตกรุงเทพและปริมณฑล สูงสุดเป็นอันดับ 1 ต่อเนื่องมา 25 ปี และยังเป็นผู้ประกอบการสินเชื่อเช่าซื้อที่ได้รับการประกาศเกียรติคุณจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครอง ผู้บริโภค สำนักนายกรัฐมนตรี ให้เป็นผู้ประกอบการซึ่งรักษาสิทธิผู้บริโภคด้านสัญญาที่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค 
สรุป
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ นายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่  และนางอัมพร ปุรินทวรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่  ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามกับ นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ และนายประพล พรประภา รองกรรมการผู้จัดการ  บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) ในสัญญาสนับสนุนวงเงินสินเชื่อ 1,200 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ทั่วประเทศและรถยนต์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งนี้ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุด ของประเทศไทย มีส่วนแบ่งการตลาดในเขตกรุงเทพและปริมณฑล สูงสุดเป็นอันดับ 1 ต่อเนื่องมา 25 ปี 

วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ธนาคารกรุงเทพ ได้รับยกย่องจาก Global Finance ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 ในฐานะธนาคารยอดเยี่ยมด้านการให้บริการ Sub-Custodian

ธนาคารกรุงเทพ ประกาศศักยภาพมาตรฐานการให้บริการระดับสากล ล่าสุดได้รับการยกย่องจาก Global Finance นิตยสารการเงินการธนาคารชั้นนำของประเทศอังกฤษ ในฐานะธนาคารยอดเยี่ยมแห่งปีด้านการให้บริการรับฝาก
หลักทรัพย์ (Sub Custodian) นับเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ตอกย้ำความเป็นเลิศด้านการให้บริการที่แตกต่างจากทีมงาน
มืออาชีพที่มากด้วยประสบการณ์ และการยอมรับจากกลุ่มลูกค้า

นายไชยฤทธิ์ อนุชิตวรวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นับเป็นเกียรติและความภาคภูมิใจอีกครั้งที่ธนาคารกรุงเทพได้รับการยกย่องจาก Global Finance นิตยสารการเงินการธนาคารชั้นนำของประเทศอังกฤษ ในฐานะธนาคารยอดเยี่ยมประจำปี 2554 ด้านการให้บริการรับฝากทรัพย์ทรัพย์ (Sub Custodian) และเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ด้วยจุดเด่นด้านคุณภาพของการให้บริการ ระบบเทคโนโลยีรองรับที่มีมาตรฐานและทันสมัยที่สุด รวมไปถึงการกำหนดแผนรองรับการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นธนาคารไทยที่สามารถให้บริการรับฝากทรัพย์สินเต็มรูปแบบกับสถาบันการเงินต่างประเทศ และสถาบันการเงินไทย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวล้วนแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและมาตรฐานการดำเนินงานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2553 สินทรัพย์ของลูกค้าที่อยู่ภายใต้การดูแลของธนาคารกรุงเทพ เป็นลูกค้าในประเทศประมาณ 65% และลูกค้าต่างประเทศประมาณ 35% โดยธนาคารมีกระบวนการในการเป็นผู้รับฝากทรัพย์สิน ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตรงตามมาตรฐานของธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (17F-5 และ 17F-7) นอกจากนี้ ธนาคารมีการพัฒนาระบบงานและบุคลากรให้มีความพร้อมเพื่อรองรับ
นวัตกรรมทางการเงินใหม่ และการให้บริการทางด้านการเงินที่ครบวงจรและเชี่ยวชาญในทุกผลิตภัณฑ์ รวมถึงทีมงาน
ที่มีความรู้ความชำนาญและมากด้วยประสบการณ์ในการให้บริการ

มร.โจเซฟ เกียลาพูโต บรรณาธิการ นิตยสาร Global Finance เปิดเผยว่า ทางทีมงานได้ดำเนินการสำรวจธนาคาร
ยอดเยี่ยม ด้านบริการรับฝากหลักทรัพย์ หรือ Sub Custodian จากลูกค้าเป็นประจำทุกปีต่อเนื่องกันมาเป็นปีที่ 8 เพื่อยกย่องสถาบันการเงินที่ดีที่สุดในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลก โดยองค์ประกอบที่นำมาใช้ในการพิจารณา ประกอบด้วยด้านการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า คุณภาพการให้บริการ ค่าธรรมเนียม รูปแบบบริการเสริมที่แตกต่าง ระบบเทคโนโลยี การปฏิบัติการด้านเอกสาร ความต่อเนื่องของแผนธุรกิจ และความรู้ความเข้าใจในกฏเกณฑ์และระเบียบวิธี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจุบันที่ภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลง และความผันผวนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการให้บริการรับฝากทรัพย์ทรัพย์ หรือ Sub Custodian จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ให้บริการต้องมีการเตรียมความพร้อมและทำความความเข้าใจในกฏระเบียบ สามารถตอบสนองกับวิธีปฏิบัติที่เปลี่ยนแปลงหรือกำหนดขึ้นใหม่ได้อย่างทันท่วงที ซึ่งในปีนี้สถาบันการเงินที่ได้รับการยกย่องล้วนพิสูจน์ให้เห็นถึงคุณภาพการให้บริการที่ยอดเยี่ยม ในฐานะผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาและความช่วยเหลือแก่ลูกค้าให้ได้รับบริการที่เพิ่มมากขึ้นเหนือความคาดหมาย ทั้งนี้ พิธีมอบรางวัลจะจัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 26 กันยายน 2554 ณ National Press Club กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
ที่มา : ธนาคารกรุงเทพ . 25 กรกฎาคม 2554
สรุป :
        ธนาคารกรุงเทพได้รับการยกย่องจาก Global Finance นิตยสารการเงินการธนาคารชั้นนำของประเทศอังกฤษ ในฐานะธนาคารยอดเยี่ยมแห่งปีด้านการให้บริการรับฝากหลักทรัพย์ (Sub Custodian) นับเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ตอกย้ำความเป็นเลิศด้านการให้บริการที่แตกต่างจากทีมงานมืออาชีพที่มากด้วยประสบการณ์ และการยอมรับจากกลุ่มลูกค้า

วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ธนาคารกรุงเทพ นำร่องปรับเพิ่มดอกเบี้ยออมทรัพย์ 0.125% ฝากประจำสูงสุด 0.500% เงินกู้เพียง 0.250% มีผล 14 ก.ค. นี้


ธนาคารกรุงเทพ สนองแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ให้ประโยชน์กับลูกค้า นำร่องประกาศปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย
เงินฝากทุกประเภท โดยเฉพาะสะสมทรัพย์ (ออมทรัพย์) เพิ่มขึ้น 0.125% เงินฝากประจำทุกระยะเวลา เพิ่มสูงสุดถึง 0.500% ด้านเงินกู้เพียง 0.250% มีผลเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2554

นายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้มีการประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ทุกประเภท ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นทั้ง 2 ด้าน

ด้านเงินฝาก ได้มีการประกาศปรับอัตราดอกเบี้ย ดังนี้

       - เงินฝากประเภทสะสมทรัพย์ (ออมทรัพย์) จาก 0.75% เป็น 0.875% เพิ่มขึ้น 0.125%
       - เงินฝากประจำ ทั้งประเภทบุคคลธรรมดา นิติบุคคลไม่แสวงหากำไร และนิติบุคคลอื่น เพิ่มขึ้นสูงสุด 0.500%
              - เงินฝากประจำ 7 วัน จาก 1.500-1.750% เป็น 1.875-2.250%
              - เงินฝากประจำ 14 วัน จาก 1.500-1.750% เป็น 1.875-2.250%
              - เงินฝากประจำ 30 วัน จาก 1.500-2.000% เป็น 1.875-2.250%
              - เงินฝากประจำ 3 เดือน จาก 1.625-1.875% เป็น 1.875-2.000%
              - เงินฝากประจำ 6 เดือน จาก 2.000-2.250% เป็น 2.125-2.375%
              - เงินฝากประจำ 12 เดือน จาก 2.250-2.500% เป็น 2.500-2.750%
              - เงินฝากประจำ 24 เดือน จาก 2.750-3.000% เป็น 3.000%
              - เงินฝากประจำ 36 เดือน จาก 3.125-3.250% เป็น 3.250%

และสำหรับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ มีการประกาศปรับอัตราดอกเบี้ย ดังนี้

       - อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (Minimum Loan Rate) หรือ MLR
         จาก 6.875% เป็น 7.125%
       - อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (Minimum Overdraft Rate) หรือ MOR
         จาก 7.125% เป็น 7.375%
       - อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate) หรือ MRR จาก 7.625% เป็น 7.875%
โดยทั้งหมดมีผลเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2554

ที่มา:เว็บไซต์ธนาคารกรุงเทพ . 13 กรกฎาคม 2554


สรุป
   ธนาคารกรุงเทพ สนองแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ให้ประโยชน์กับลูกค้า นำร่องประกาศปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากทุกประเภท
  นายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้มีการประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ทุกประเภท ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นทั้ง 2 ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินฝากประเภทสะสมทรัพย์ (ออมทรัพย์) จาก 0.75% เป็น 0.875% เพิ่มขึ้น 0.125% ส่วนเงินฝากประจำ ทั้งประเภทบุคคลธรรมดา นิติบุคคลไม่แสวงหากำไร และนิติบุคคลอื่น เพิ่มขึ้นสูงสุด 0.500% 

วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ธกท. จับมือ PTTPM เปิดตัว Smart Chain Solution



นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ที่ 2 จากซ้าย) นายคณิต สีห์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ (ซ้าย) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ลงนามร่วมกับ ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานกรรมการ (ที่ 2 จากขวา) นายประมินทร์ พันทวีศักดิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ขวา) บริษัท พีทีที โพลีเมอร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (PTTPM) และนายเอนก จงเสถียร กรรมการผู้จัดการ (กลาง) บริษัท เอ็มเอ็มพี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในสัญญาความร่วมมือโครงการ Smart Chain Solution บริการทางการเงินครบวงจรสำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจของ PTTPM

โดยบริษัท เอ็มเอ็มพี คอร์ปอเรชั่น ผู้ผลิตพลาสติกฟิลม์รายใหญ่ของประเทศและเป็นลูกค้าในกลุ่มผู้ซื้อของ PTTPM จะเป็นลูกค้ารายแรกที่เล็งเห็นประโยชน์การใช้ Smart Chain Solution โดยเฉพาะด้านเงินทุนหมุนเวียนที่จะได้รับจากธนาคารเพื่อใช้ในการซื้อสินค้าจาก PTTPM ภายใต้อัตราดอกเบี้ยพิเศษที่ต่ำกว่าลูกค้าที่ไม่ได้อยู่ในระบบเครือข่ายการค้า โดยธนาคารตั้งเป้านำเสนอและขยายการให้บริการกับลูกค้ารายอื่นๆ ของ PTTPM อีกกว่า 20 บริษัท ในอนาคตอันใกล้ สำหรับ Smart Chain Solution นับเป็นอีกหนึ่งบริการที่สามารถสะท้อนความเป็นผู้นำในนวัตกรรมทางการเงิน เพื่อสนับสนุนเครือข่ายการค้าในธุรกิจปิโตรเคมีของธนาคารได้เป็นอย่างดี
ที่มา:http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=73999:--pttpm--smart-chain-solution&catid=171:pr&Itemid=512 . วันพฤหัสบดีที่ 07 กรกฏาคม 2011
สรุป

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ นายคณิต สีห์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่  ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ลงนามร่วมกับ ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานกรรมการ  นายประมินทร์ พันทวีศักดิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท พีทีที โพลีเมอร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (PTTPM) และนายเอนก จงเสถียร กรรมการผู้จัดการ  บริษัท เอ็มเอ็มพี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในสัญญาความร่วมมือโครงการ Smart Chain Solution บริการทางการเงินครบวงจรสำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจของ PTTPM
โดยบริษัท เอ็มเอ็มพี คอร์ปอเรชั่น ผู้ผลิตพลาสติกฟิลม์รายใหญ่ของประเทศและเป็นลูกค้าในกลุ่มผู้ซื้อของ PTTPM จะเป็นลูกค้ารายแรกที่เล็งเห็นประโยชน์การใช้ Smart Chain Solution  โดยธนาคารตั้งเป้านำเสนอและขยายการให้บริการกับลูกค้ารายอื่นๆ ของ PTTPM อีกกว่า 20 บริษัท ในอนาคตอันใกล้ สำหรับ Smart Chain Solution 

สมาชิกกลุ่ม ธนาคารกรุงเทพ

นางสาว สมฤทัย โพธิ์ศรีแก้ว  52112804012
นางสาว พจมาลย์ สกุลหอม   52112804013
นางสาว วริศรา คำชา             52112804015
นาย เกรียงไกร อิทสุวรรณ      52112804026
นางสาว ชลธิชา มูลละ          52112804037
นางสาว สโรชา บุญสวัสดิ์     52112804038
นางสาว จันทนี แพลือ           52112804055

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (Bangkok Bank Public Company Limited)


 จดทะเบียนก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2487โดยข้าราชการ นักธุรกิจ และกลุ่มบุคคลที่มีแนวคิดเดียวกัน มีสโลแกนที่ว่า "เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน"
รายงานผลการสำรวจธนาคารยอดเยี่ยมในประเทศกำลังพัฒนาประจำปี 2546 ซึ่งตีพิมพ์ใน นิตยสารโกลบอล ไฟแนนซ์ ฉบับประจำเดือนพฤษภาคม 2546 ได้กล่าวถึง ธนาคารกรุงเทพ ว่าเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ประวัติ
ธนาคารกรุงเทพเริ่มดำเนินการเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2487 มีสำนักงานใหญ่แห่งแรกเป็นอาคารพาณิชย์ 2 คูหาในย่านราชวงศ์ ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ มีพนักงานเริ่มแรกเพียง 23 คน กรรมการผู้จัดการใหญ่ท่านแรกคือ หลวงรอบรู้กิจ ท่านเป็นผู้ริเริ่มสร้างฐานลูกค้าของธนาคารด้วยการบริการให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าแต่ละราย
กรรมการผู้จัดการท่านที่ 2 คือ ชิน โสภณพนิช ซึ่งเป็นผู้จัดการธนาคารที่ครอบครองตำแหน่งได้นานที่สุดถึง 25 ปี (พ.ศ. 2495-พ.ศ. 2520 นายชิน โสภณพนิช เป็นบุคคลที่มีแนวคิดริเริ่มที่ให้ธนาคารขยายเครือข่ายสาขาไปยังท้องที่ที่ห่างไกลทั่วประเทศ ที่มีผลผลิตทางการเกษตรที่สมบูรณ์ จนทำให้ธนาคารเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนอุตสาหกรรมการส่งออก และต่อมาในปี พ.ศ. 2515 ธนาคารได้เปลี่ยนตราสัญลักษณ์เป็นรูป ดอกบัวหลวง ซึ่งใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน - ปัจจุบัน นายชิน โสภณพนิช เสียชีวิตแล้ว
ต่อมาในปี พ.ศ. 2497 ธนาคารกรุงเทพได้ไปเปิดสาขาที่ต่างประเทศ แห่งแรกคือที่ ฮ่องกง ต่อมาได้ไปเปิดที่ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ต่อมาได้ไปเปิดที่ สิงคโปร์
กรรมการผู้จัดการท่านที่ 3 คือ บุญชู โรจนเสถียร เป็นผู้ที่ปรับเปลี่ยนการบริหารงานครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อให้ธนาคารมีมาตรฐานเท่าเทียมกับต่างประเทศ รวมทั้งนโยบายมุ่งเน้นการพัฒนาทรัพยากรบุคคล
กรรมการผู้จัดการท่านที่ 4 คือ ชาตรี โสภณพนิช เป็นผู้นำธนาคารกรุงเทพเข้าสู่ยุคทอง ผลประกอบการของธนาคารกรุงเทพในปี พ.ศ. 2523 - พ.ศ. 2535 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 12 เท่า และเป็นครั้งแรกที่ธนาคารพาณิชย์ไทยที่ทำกำไรสุทธิมากกว่า 10,000 ล้านบาท ธนาคารกรุงเทพคือบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ณ ช่วงสมัยนั้น และ เป็น 1 ใน 200 ธนาคารชั้นนำของโลก และในปี พ.ศ. 2525 ได้ย้ายสำนักงานใหญ่ของธนาคารกรุงเทพมาตั้งอยู่ที่ เลขที่ 333 ถนนสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้ใช้สำนักงานแห่งนี้มาตั้งแต่นั้นจนถึงปัจจุบัน
กรรมการผู้จัดการท่านที่ 5 คือ ดร.วิชิต สุรพงศ์ชัย เป็นผู้ที่มีผลงานด้านกิจการธนาคารในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ทำให้ธนาคารกรุงเทพเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก
กรรมการผู้จัดการท่านที่ 6 คือ ชาติศิริ โสภณพนิช เป็นบุตรชายคนโตของ ชาตรี โสภณพนิช เพียงระยะเวลาแค่ 3 ปีในการบริหารตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ เศรษฐกิจไทยที่รุ่งเรืองมานานถึง 30 ปี ก็ได้อวสานลง ด้วยวิกฤตการณ์ทางการเงินที่เกิดขึ้นในทวีปเอเชีย ซึ่งค่าเงินบาทลดลงอย่างมาก หลังจากที่ประเทศไทยใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว สถาบันการเงินหลายรายไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย ประสบปัญหาล้มละลาย สถาบันการเงินที่เหลือประสบปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพราะลูกค้าหลายราย ล้วนประสบปัญหาทางการเงิน ท่ามกลางอุปสรรค์เช่นนี้ นายชาติศิริ โสภณพนิช กลับแก้ "วิกฤต" ให้เป็น "โอกาส" โดยการเสริมสร้างรากฐานทางการเงินให้แข็งแรงขึ้นอีกครั้ง
          
ปัจจุบัน ธนาคารกรุงเทพ เป็นธนาคารที่มีสินทรัพย์มากที่สุดในประเทศมีสินทรัพย์ทั้งหมดประมาณ 1.67 ล้านล้านบาท มีสาขาทั้งหมดกว่า 750 สาขา ตู้ ATM กว่า 4,000 เครื่อง สาขาไมโคร (Micro Branch) ที่เปิดให้บริการ 7 วัน อีกกว่า 175 สาขา มีสาขาที่ต่างประเทศทั้งหมด 19 สาขา
วิสัยทัศน์ของธนาคารกรุงเทพ คือการดำรงความเป็นผู้นำด้านบริการทางการเงินในประเทศไทย และเป็นหนึ่งในธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเอเชีย เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ธนาคารจึงมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่เปี่ยมด้วยคุณภาพระดับโลกแก่ลูกค้าทุกกลุ่ม

วิสัยทัศน์ของธนาคารกรุงเทพ คือการดำรงความเป็นผู้นำด้านบริการทางการเงินในประเทศไทย และเป็นหนึ่งในธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเอเชีย เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ธนาคารจึงมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่เปี่ยมด้วยคุณภาพระดับโลกแก่ลูกค้าทุกกลุ่ม



ภาระหน้าที่ต่อลูกค้า ธนาคารกรุงเทพให้บริการทางการเงินด้วยมาตรฐานระดับสากลด้วยน้ำใจไมตรีแบบคนไทย ธนาคารจึงสร้างสรรค์นวัตกรรมในรูปของผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งขยายเครือข่ายสาขาจนครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ



ความสำเร็จของเรา ธนาคารกรุงเทพได้รับรางวัลซึ่งยืนยันถึงคำสัญญาของเราในการให้บริการอันเป็นเลิศ ธนาคารจึงมีความยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับรางวัลจากองค์กรชั้นนำต่างๆ มากมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ

วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ธ.กรุงเทพจัดกิจกรรมสำหรับลูกค้า ‘บัวหลวงเอ็กซ์คลูซีฟ’ ฟังบรรยาย ‘สมบูรณ์พร้อมด้วยสมองสุขภาพดี


นางพจณี คงคาลัย เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Senior Vice President บริหารความสัมพันธ์และการขาย (ขวา) และนายพิสุทธิ์ เทพพิชัยยานนท์ ผู้จัดการภาคนครหลวง 6 (ซ้าย) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับนายแพทย์อิทธิพล ตะวันกาญจนโชติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรกรรมประสาท (กลาง) และแพทย์หญิงโสฬพัทธ์ เหมรัญช์โรจน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต (ที่ 2 จากขวา) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ในโอกาสให้เกียรติเป็นวิทยากรบรรยายภายใต้หัวข้อ สมบูรณ์พร้อมด้วยสมองสุขภาพดีซึ่งเป็นข้อมูลเชิงสุขภาพเกี่ยวกับโรคทางสมอง แนวทางการป้องกันและดูแลสุขภาพสมองให้แข็งแรง ปลอดจากโรคภัยและภาวะเสี่ยง แก่ลูกค้าสมาชิก บัวหลวงเอ็กซ์คลูซีฟนับเป็นหนึ่งในหลากหลายกิจกรรมที่ธนาคารสร้างสรรค์ขึ้น เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีอย่างต่อเนื่องแก่ลูกค้าสมาชิก บัวหลวงเอ็กซ์คลูซีฟบริการที่ธนาคารมอบความเป็นส่วนตัว และความสะดวกสบายในการมาใช้บริการ ด้วยเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ ความชำนาญ และความเชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาในบริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ลูกค้าสนใจ ตลอดจนแนะนำบริการและผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย เพื่อเป็นข้อมูลให้ลูกค้าได้ตัดสินใจด้วยความสบายใจ นอกจากนี้ยังสามารถรับสิทธิพิเศษต่างๆ มากมาย และเข้าร่วมกิจกรรมที่ธนาคารสร้างสรรค์ขึ้นเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เฉกเช่นในครั้งนี้
ที่มา: http://www.ryt9.com/s/prg/1186097 . 6 กรกฎาคม 2554
สรุป
นางพจณี คงคาลัย เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Senior Vice President บริหารความสัมพันธ์และการขาย   ผู้จัดการภาคนครหลวง 6  ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับนายแพทย์จากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ในโอกาสให้เกียรติเป็นวิทยากรบรรยายภายใต้หัวข้อ สมบูรณ์พร้อมด้วยสมองสุขภาพดี แก่ลูกค้าสมาชิก บัวหลวงเอ็กซ์คลูซีฟนับเป็นหนึ่งในหลากหลายกิจกรรมที่ธนาคารสร้างสรรค์ขึ้น เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีอย่างต่อเนื่องแก่ลูกค้าสมาชิก

ธนาคารกรุงเทพ จัดบรรยาย “พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก” พร้อมเสวนาหัวข้อ “บริหารเงินฝากอย่างมั่นใจกับมืออาชีพ”





นายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ (ที่ 3 จากขวา) และดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ในฐานะวิทยากรการเสวนา (ที่ 2 จากซ้าย) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมให้การต้อนรับ นายสิงหะ นิกรพันธ์
ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (ที่ 2 จากขวา) นายเรืองวิทย์ นันทาภิวัฒน์ เลขาธิการสมาคมนักวางแผนการเงินไทย (ขวา) และนางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (ที่ 3 จากซ้าย) ในโอกาสให้เกียรติเป็นวิทยากรการบรรยายในหัวข้อเกี่ยวกับพระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝาก และการเสวนาในหัวข้อ “บริหารเงินฝากอย่างมั่นใจกับมืออาชีพ” แก่กลุ่มลูกค้าของธนาคาร เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชบัญญัติดังกล่าว อีกทั้งเป็นการสานต่อความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มลูกค้าธนาคาร นับเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ธนาคารได้ดำเนินการไว้รองรับกับพระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝากที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างการสร้างสรรค์และเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินในรูปแบบต่างๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า นอกเหนือจากปัจจัยทางด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งของธนาคาร



ที่มา:http://www.bangkokbank.com/bangkok%20bank%20Thai/about%20bangkok%20bank/about%20us/media%20room/2011/June/Pages/PressRelease29Jun.aspx . 29 มิถุนายน 2554


สรุป

นายสุวรรณ แทนสถิตย และดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)   ร่วมให้การต้อนรับ นายสิงหะ นิกรพันธ์   นายเรืองวิทย์ นันทาภิวัฒน์ และนางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด ในโอกาสให้เกียรติเป็นวิทยากรการบรรยายในหัวข้อเกี่ยวกับพระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝาก และการเสวนาในหัวข้อ บริหารเงินฝากอย่างมั่นใจกับมืออาชีพ”  เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชบัญญัติดังกล่าว  นับเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ธนาคารได้ดำเนินการไว้รองรับกับพระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝากที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างการสร้างสรรค์และเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินในรูปแบบต่างๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า 

วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2554

แบงก์กรุงเทพออกเงินฝากประจำ 5 เดือน ดอกเบี้ย 3.50% ต่อปี รับฝากขั้นต่ำ 2 แสน

ธนาคารกรุงเทพ สร้างสรรค์เงินฝากประจำระยะเวลา 5 เดือน อัตราดอกเบี้ยสูงถึง 3.50% ต่อปี โดยยอดเงินเปิดบัญชีตั้งแต่ 200,000 บาทขึ้นไป นับเป็นกิจกรรมพิเศษในช่วงระยะเวลาระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน – 29 กรกฎาคม นี้เท่านั้น
นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้สร้างสรรค์กิจกรรมเชิญชวนกลุ่มลูกค้าทั่วไปที่มีถิ่นฐานอยู่ในประเทศไทย ด้วยข้อเสนอใหม่ล่าสุดกับบัญชีเงินฝาก ระยะเวลา 5 เดือน อัตราดอกเบี้ย 3.50% ต่อปี โดยเปิดบัญชีด้วยจำนวนเงินขั้นต่ำ 200,000 บาท และนำฝากแต่ละยอดเงินฝากไม่ต่ำกว่า 200,000 บาท นับเป็นกิจกรรมรณรงค์เงินฝากพิเศษในช่วงระยะเวลาระหว่างวันพุธที่ 29 มิถุนายน ถึงวันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม 2554
การสร้างสรรค์และเปิดตัวบริการบัญชีเงินฝากประจำ 5 เดือนในครั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์การขยายฐานลูกค้ารายย่อยของธนาคารที่ดำเนินการด้วยความต่อเนื่อง โดยข้อเสนอที่ธนาคารมอบให้ทั้งอัตราดอกเบี้ยที่สูงจูงใจ และระยะเวลาการฝากสั้นกว่าที่มีการนำเสนอในตลาดปัจจุบัน จะสามารถตอบสนองความต้องการและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสถานการณ์ในเรื่องอัตราเงินเฟ้อและแนวโน้มขิองอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบัน ทั้งนี้ลูกค้าที่สนใจสามารถเปิดบัญชีเงินฝากประเภทดังกล่าวได้ที่ธนาคารกรุงเทพ ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บัวหลวงโฟน โทร.1333 และ www.bangkokbank.com’


ที่มา : http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=72822:-5-350-2-&catid=176:2009-06-25-09-26-02&Itemid=524 . 28 มิถุนายน 2554


สรุป 



นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารได้มีการสร้างสรรค์กิจกรรมเชิญชวนกลุ่มลูกค้าทั่วไปที่มีถิ่นฐานอยู่ในประเทศไทย ด้วยข้อเสนอใหม่ล่าสุดกับบัญชีเงินฝาก ระยะเวลา 5 เดือน อัตราดอกเบี้ย 3.50% ต่อปีโดยเปิดบัญชีด้วยจำนวนเงินขั้นต่ำ 200,000 บาท และนำฝากไม่ต่ำกว่า 200,000 บาทใ นช่วงระยะเวลาระหว่างวันพุธที่ 29 มิถุนายน ถึงวันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม 2554 เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์การขยายฐานลูกค้ารายย่อยของธนาคารที่ดำเนินการด้วยความต่อเนื่อง
ธนาคารมีข้อเสนอที่มอบทั้งอัตราดอกเบี้ยที่สูงจูงใจ และระยะเวลาการฝากสั้นกว่าที่มีการเสนอต่อตลาดปัจจุบัน ลูกค้าจะมีความพึงพอใจเป็นอย่างดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสถานการณ์ในเรื่องอัตราเงินเฟ้อและแนวโน้มขิองอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบัน

วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ธนาคารกรุงเทพ จัดสัมมนาเอสเอ็มอีครึ่งปี 2554 เรื่อง “ภาวะเศรษฐกิจไทยครึ่งปี 2554ฯ” และ “อนาคตแบรนด์เอสเอ็มอีไทย”


 นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร (ที่ 6 จากขวา) นายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ (ขวา) และนายวีระศักดิ์ สุตัณฑวิบูลย์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ (ที่ 3 จากซ้าย) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมให้การต้อนรับวิทยากรที่ให้เกียรติอภิปรายเรื่อง ภาวะเศรษฐกิจไทย ครึ่งปี 2554 และผลกระทบจากการเปิดเศรษฐกิจเสรีอาเซียนและจีนและเรื่อง อนาคตแบรนด์เอสเอ็มอีไทยในงานสัมมนาเอสเอ็มอีครึ่งปี 2554 ที่ธนาคารกรุงเทพและชมรมบัวหลวงเอสเอ็มอีจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพ ในฐานะผู้ริเริ่มและเล็งเห็นถึงความสำคัญกับภาคธุรกิจ SME ด้วยการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ตอบสนองความต้องการและสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการ อีกทั้งการจัดกิจกรรมรูปแบบต่าง ๆ ในการส่งเสริมธุรกิจ SME ในประเทศไทยให้สามารถพัฒนาและก้าวหน้าได้อย่างมั่นคงอย่างต่อเนื่อง


ธนาคารกรุงเทพ ร่วมกับ JBIC สนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ช่วยเหลือบริษัทญี่ปุ่นในไทยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน

  ธนาคารกรุงเทพ จับมือ ‘JBIC’ สนับสนุนสินเชื่อในรูปแบบ Two Steps Loan Facility แก่บริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบทางด้านการค้าจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อใช้ในการฟื้นตัวและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจในตลาดโลก และกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับญี่ปุ่นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

  นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ร่วมมือกับธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือ ‘JBIC’ สนับสนุนสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำในวงเงิน 30 ล้านบาท แก่บริษัท อีแอนด์เอช พรีซิชั่น (ประเทศไทย) จำกัด โดย นายยาสุฮิโร ฮิราโอกะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี สำหรับใช้ในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ นับเป็นผู้ประกอบการรายแรกที่ได้รับสินเชื่อภายใต้โครงการนี้นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

  “สินเชื่อในรูปแบบ Two Steps Loan Facility นี้เป็นสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างสถาบันการเงินทั้ง 2 แห่ง เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกค้าและนักลงทุนจากญี่ปุ่นที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ภายหลังจากที่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในประเทศญี่ปุ่น

  ธนาคารกรุงเทพในฐานะธนาคารชั้นนำของไทยที่มีลูกค้าเป็นบริษัทญี่ปุ่นมากที่สุดถึงกว่า 3,000 ราย มุ่งมั่นให้การสนับสนุนลูกค้าอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านสินเชื่อของลูกค้าบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทย โดยธนาคารร่วมมือกับธนาคารระดับภูมิภาค 17 แห่งในญี่ปุ่นในการจัดการและส่งมอบสินเชื่อให้แก่ลูกค้าของธนาคารดังกล่าวในประเทศไทย ปัจจุบันธนาคารกรุงเทพมีสาขาในประเทศญี่ปุ่น 2 แห่ง คือ สาขาโตเกียว และสาขา
โอซากา อีกทั้งจัดตั้งหน่วยงานธุรกิจลูกค้าญี่ปุ่น ที่พร้อมเชื่อมโยงเครือข่ายทางด้านการค้าการลงทุน ตลอดจนอำนวยความสะดวกในบริการที่สนองตอบความต้องการของลูกค้าทั้ง 2 ประเทศในทุกๆ ด้าน สำหรับลูกค้าที่สนใจสินเชื่อพิเศษสำหรับบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หน่วยงานธุรกิจลูกค้าญี่ปุ่น
นายฮิโรชิ ชิอะมามูระ โทรศัพท์ 0-2353-5084 หรืออีเมล hiroshi.shi@bbl.co.th

ที่มา:http://www.bangkokbank.com/Bangkok%20Bank%20Thai/About%20Bangkok%20Bank/About%20Us/Media%20Room/2011/June/Pages/PressRelease24Jun.aspx . 24 มิถนายน 2554


สรุป 
ธนาคารกรุงเทพ จับมือกับ “ JBIC ” สนับสนุนสินเชื่อในรูปแบบ Two Steps Loan Facility ให้กับบริษัทญี่ปุ่นที่อยู่ในประเทศไทยที่ได้รบผลกระทบทางการค้า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิที่ญี่ปุ่นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ร่วมมือกับธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือ ‘JBIC’ สนับสนุนสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำในวงเงิน 30 ล้านบาท แก่บริษัท อีแอนด์เอช พรีซิชั่น (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับใช้ในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ โดยสินเชื่อในรูปแบบ Two Steps Loan Facility นี้เป็นสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างสถาบันการเงินทั้ง 2 แห่ง เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกค้าและนักลงทุนจากญี่ปุ่นที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เนื่องจากธนาคารกรุงเทพมีลูกค้าเป็นบริษัทญี่ปุ่นมากที่สุดถึงกว่า 3,000 ราย ทางธนาคารจึงสนับสุนลูกค้าอย่างเต็มกำลังเพื่อตอบสนองความต้องการด้านสินเชื่อของลูกค้าบริษัทญี่ปุ่นในไทย ปัจจุบันธนาคารกรุงเทพมีสาขาในประเทศญี่ปุ่น 2 แห่ง คือ สาขาโตเกียว และสาขาโอซากา อีกทั้งจัดตั้งหน่วยงานธุรกิจลูกค้าญี่ปุ่น ที่พร้อมเชื่อมโยงเครือข่ายทางด้านการค้าการลงทุน ตลอดจนอำนวยความสะดวกในบริการที่สนองตอบความต้องการของลูกค้าทั้ง 2 ประเทศในทุกๆ ด้าน

วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ธนาคารกรุงเทพและกสิกรไทย สนับสนุนเงินกู้วงเงินรวม 7,900 ล้านบาท แก่อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน

     


   นายชาญศักดิ์ เฟื่องฟู รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ที่ 2 จากซ้าย) ลงนามกับมร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานกลุ่มบริษัทบี.กริม และอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ที่ 3 จากขวา) นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ที่ 2 จากขวา) โดยมีนายกฤษฎา ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (ขวา) และผู้บริหารบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) ร่วมในพิธีลงนามในสัญญาสนับสนุนทางการเงินจำนวนประมาณ 7,900 บาท แก่บริษัทอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 1 และบริษัทอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 2 เพื่อใช้ดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และโรงงานอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง โดยมีธนาคารกรุงเทพและธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้จัดสรรเงินกู้ร่วม (Mandated Lead Arranger) และธนาคารกสิกรไทยทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Advisor)
ที่มา:http://www.bangkokbank.com/BANGKOK%20BANK%20THAI/ABOUT%20BANGKOK%20BANK/ABOUT%20US/MEDIA%20ROOM/2011/JUNE/Pages/PressRelease8Jun.aspx .  8 มิถนายน 2554


สรุป


ธนาคารกรุงเทพและธนาคารกสิกรไทย ได้ร่วมลงนามสนับสนุนทางการเงินจำนวนประมาณ  7,900ล้าน บาท เพื่อใช้ในการดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และโรงงานอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยองโดยมีธนาคารกรุงเทพและธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้จัดสรรเงินกู้ร่วม (Mandated Lead Arranger) และธนาคารกสิกรไทยทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Advisor)