วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554

จับมือธนาคารยามานาชิ ชูโอ สนับสนุนนักธุรกิจญี่ปุ่นลงทุนในประเทศไทย

ธนาคารกรุงเทพเดินหน้าขยายเครือข่ายพันธมิตรธนาคารญี่ปุ่นสู่รายที่ 18 ล่าสุดจับมือธนาคารยามานาชิ ชูโอ ธนาคารยักษ์ใหญ่จากจังหวัดยามานาชิ มั่นใจช่วยดึงดูดนักธุรกิจญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทยได้มากขึ้น พร้อมให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ลูกค้าของธนาคารยามานาชิ ชูโออย่างเต็มที่
นายฮิโตชิ โอซาวา ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับธนาคารยามานาชิ ชูโอ ธนาคารระดับภูมิภาคที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดยามานาชิ และนับเป็นธนาคารญี่ปุ่นแห่งที่ 18 ที่ธนาคารกรุงเทพได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งส่งผลให้ปัจจุบันธนาคารกรุงเทพสามารถขยายเครือข่ายครอบคลุมภูมิภาคสำคัญทั่วประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้การร่วมมือระหว่างธนาคารทั้งสองแห่งในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนจากจังหวัดยามานาชิสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดยธนาคารกรุงเทพพร้อมให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ลูกค้าของธนาคารยามานาชิ ชูโอ ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
“ปัจจุบันนักธุรกิจญี่ปุ่นต้องการที่จะออกไปลงทุนนอกประเทศ เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักธุรกิจเหล่านี้ต้องพยายามลดความเสี่ยงด้วยการขยายฐานการผลิตไปยังประเทศต่างๆ ซึ่งประเทศไทยนับเป็นตลาดที่ได้รับความสนใจ และคาดว่าความร่วมมือระหว่างธนาคารทั้งสองแห่งในครั้งนี้จะยิ่งกระตุ้นให้นักธุรกิจญี่ปุ่นต้องการลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น เนื่องจากความร่วมมือครั้งนี้ยังครอบคลุมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลและดำเนินงานร่วมกันเพื่อให้คำแนะนำแก่ลูกค้าที่ต้องการเข้ามาลงทุน”
ความร่วมมือครั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้ธนาคารยามานาชิ ชูโอ และธนาคารกรุงเทพ ได้กระชับความสัมพันธ์ทางธุรกิจให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยมีเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะช่วยสนับสนุนภาคธุรกิจญี่ปุ่นด้วยบริการทางการเงินที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม และเมื่อเร็วๆ นี้คณะผู้บริหารของธนาคารยามานาชิ ชูโอ ได้เดินทางมาประเทศไทยเพื่อเข้าพบนายเดชา ตุลานันท์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ พร้อมทั้งเรียนเชิญนายฮิโตชิ บรรยายพิเศษในงานสัมมนาทางธุรกิจเกี่ยวกับโอกาสการลงทุนในประเทศไทย ณ เมืองโคฟุ เมืองหลวงของจังหวัดยามานาชิ ซึ่งนายฮิโตชิ ได้ใช้โอกาสนี้ให้ข้อมูลที่ครอบคลุมทั้ง สถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศไทย ปัจจัยที่ควรพิจารณาสำหรับนักธุรกิจที่ต้องขยายการลงทุน ตลอดจนการใช้ประโยชน์จากสถาบันการเงินท้องถิ่นในประเทศไทย และผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ธนาคารกรุงเทพพร้อมสนับสนุนแก่นักธุรกิจญี่ปุ่น
อนึ่ง ธนาคารยามานาชิ ชูโอ เป็นธนาคารที่ดำเนินนโยบายทางธุรกิจโดยมุ่งเน้นการเป็นธนาคารท้องถิ่นที่แข็งแกร่งและยึดมั่นในแนวทางการบริหารเพื่อความยั่งยืน นอกจากนี้ธนาคารยามานูชิ ชูโอ เป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นหลัก ทำให้ธนาคารมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้า ขณะเดียวกันมุ่งสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เจริญเติบโต ตลอดจนมุ่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินเพื่อรักษาความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีต่อธนาคาร โดยสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองโคฟุ จังหวัดยามานาชิ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อนายฮิโรชิ ชิมามูระ ธุรกิจลูกค้าญี่ปุ่น ธนาคารกรุงเทพ

โทรศัพท์ 0-2353-5084 อีเมล์ hiroshi.shi@bbl.co.thที่มา:http://www.bangkokbank.com/.วันที่ 13 กันยายน พ.ศ 2554

สรุป:

ธนาคารกรุงเทพเดินหน้าขยายเครือข่ายพันธมิตรธนาคารญี่ปุ่นสู่รายที่ 18 ล่าสุดจับมือธนาคารยามานาชิ ชูโอ ธนาคารยักษ์ใหญ่จากจังหวัดยามานาชิ มั่นใจช่วยดึงดูดนักธุรกิจญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทยได้มากขึ้น พร้อมให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ลูกค้าของธนาคารยามานาชิ ชูโออย่างเต็มที่
นายฮิโตชิ โอซาวา ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับธนาคารยามานาชิ ชูโอ ธนาคารระดับภูมิภาคที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดยามานาชิ และนับเป็นธนาคารญี่ปุ่นแห่งที่ 18 ที่ธนาคารกรุงเทพได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งส่งผลให้ปัจจุบันธนาคารกรุงเทพสามารถขยายเครือข่ายครอบคลุมภูมิภาคสำคัญทั่วประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้การร่วมมือระหว่างธนาคารทั้งสองแห่งในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนจากจังหวัดยามานาชิสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดยธนาคารกรุงเทพพร้อมให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ลูกค้าของธนาคารยามานาชิ ชูโอ ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย

ความร่วมมือครั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้ธนาคารยามานาชิ ชูโอ และธนาคารกรุงเทพ ได้กระชับความสัมพันธ์ทางธุรกิจให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยมีเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะช่วยสนับสนุนภาคธุรกิจญี่ปุ่นด้วยบริการทางการเงินที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม และเมื่อเร็วๆ นี้คณะผู้บริหารของธนาคารยามานาชิ ชูโอ ได้เดินทางมาประเทศไทยเพื่อเข้าพบนายเดชา ตุลานันท์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ พร้อมทั้งเรียนเชิญนายฮิโตชิ บรรยายพิเศษในงานสัมมนาทางธุรกิจเกี่ยวกับโอกาสการลงทุนในประเทศไทย ณ เมืองโคฟุ เมืองหลวงของจังหวัดยามานาชิ ซึ่งนายฮิโตชิ ได้ใช้โอกาสนี้ให้ข้อมูลที่ครอบคลุมทั้ง สถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศไทย ปัจจัยที่ควรพิจารณาสำหรับนักธุรกิจที่ต้องขยายการลงทุน ตลอดจนการใช้ประโยชน์จากสถาบันการเงินท้องถิ่นในประเทศไทย และผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ธนาคารกรุงเทพพร้อมสนับสนุนแก่นักธุรกิจญี่ปุ่น

มอบเงิน 5 ล้านบาท ผ่านนายกรัฐมนตรี ร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม พร้อมเปิดบัญชีรองรับแรงใจ




นายอภิชาต รมยะรูป ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ (ที่ 2 จากซ้าย) และนางปฏิมา ชวลิต เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Senior Vice President (ซ้าย) ตัวแทนนายชาตรี โสภณพนิช ประธานกรรมการ และนายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) มอบเงินจำนวน 5,000,000 บาท (ห้าล้านบาทถ้วน) ผ่าน ฯพณฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (ที่ 2 จากขวา) นายกรัฐมนตรี เพื่อร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ในงาน “รวมพลังไทย ช่วยภัยน้ำท่วม” พร้อมกันนี้ได้ดำเนินการเปิดบัญชีกระแสรายวัน ชื่อบัญชี “ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม” เลขที่ 101-3-43033-3 สำนักงานใหญ่สีลม รองรับการโอนเงินจากลูกค้าและประชาชนทั่วไปผ่านสาขาทั่วประเทศ โดยยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนเงิน ทั้งนี้สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายการประชาสัมพันธ์ โทร.0-2626-3353 หรือบริการบัวหลวงโฟน โทร.1333

ที่มา :http://www.bangkokbank.com/.วันที่ 15 กันยายน พ.ศ 2554

สรุป :

นายอภิชาต รมยะรูป ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ และนางปฏิมา ชวลิต เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Senior Vice President ตัวแทนนายชาตรี โสภณพนิช ประธานกรรมการ และนายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) มอบเงินจำนวน 5,000,000 บาท ผ่าน ฯพณฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ในงาน “รวมพลังไทย ช่วยภัยน้ำท่วม” พร้อมกันนี้ได้ดำเนินการเปิดบัญชีกระแสรายวัน ชื่อบัญชี “ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม” เลขที่ 101-3-43033-3 สำนักงานใหญ่สีลม รองรับการโอนเงินจากลูกค้าและประชาชนทั่วไปผ่านสาขาทั่วประเทศ โดยยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนเงิน 

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

ธนาคารกรุงเทพ ปรับเพิ่มดอกเบี้ยเงินฝากสูงสุด 0.250% เงินกู้เพียง 0.125% มีผล 1 ก.ย. นี้

ธนาคารกรุงเทพ สนองแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ให้ประโยชน์กับลูกค้า ประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำทุกระยะเวลา เพิ่มขึ้นสูงสุด 0.250% ด้านเงินกู้เพียง 0.125% มีผลเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2554

นายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้มีการประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ทุกประเภท ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นทั้ง 2 ด้าน

ด้านเงินฝากประจำ ทั้งประเภทบุคคลธรรมดา นิติบุคคลไม่แสวงหากำไร และนิติบุคคลอื่น ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุด 0.250%

- เงินฝากประจำ 14 วัน จาก 1.875-2.250% เป็น 2.000-2.375%
- เงินฝากประจำ 30 วัน จาก 1.875-2.250% เป็น 2.000-2.375%
- เงินฝากประจำ 3 เดือน จาก 1.875-2.000% เป็น 2.000-2.250%
- เงินฝากประจำ 6 เดือน จาก 2.125-2.375% เป็น 2.375-2.625%
- เงินฝากประจำ 12 เดือน จาก 2.500-2.750% เป็น 2.750-3.000%
- เงินฝากประจำ 24 เดือน จาก 3.000% เป็น 3.125%
- เงินฝากประจำ 36 เดือน จาก 3.250% เป็น 3.375%

และสำหรับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ มีการประกาศปรับอัตราดอกเบี้ย ดังนี้

- อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (Minimum Loan Rate) หรือ MLR
จาก 7.125% เป็น 7.250%
- อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (Minimum Overdraft Rate) หรือ MOR
จาก 7.375% เป็น 7.500%
- อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate) หรือ MRR จาก 7.875% เป็น 8.000%

โดยทั้งหมดมีผลเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2554

ที่มา:http://www.bangkokbank.com.31สิงหาคม

สรุป

ธนาคารกรุงเทพ มีแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น และมีการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากทุกระยะเวลา เพิ่มขึ้นสูงสุด 0.250% ด้านเงินกู้เพียง 0.125% มีผลเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2554

ดูภาพเช็คสั่งจ่ายได้ง่ายๆ ผ่านบริการบัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง

ธนาคารกรุงเทพ นำเสนอบริการใหม่สุดไฮเทคเอาใจลูกค้ายุคไอที ด้วยการเรียกดูภาพเช็คออนไลน์ได้ง่ายๆ ผ่านบัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง และบิซ ไอแบงก์กิ้ง มอบความสะดวกสบายแก่ลูกค้าให้สามารถตรวจสอบรายละเอียดเช็คที่
สั่งจ่ายได้ทุกที่ทุกเวลา

นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงิน ได้พัฒนาบริการใหม่ที่จะทำให้ชีวิตของลูกค้าง่ายยิ่งขึ้น ด้วยบริการตรวจดูภาพเช็คสั่งจ่ายจากรายการบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน ผ่านบริการบัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง และบิซ ไอแบงก์กิ้ง โดยลูกค้าสามารถตรวจสอบรายละเอียดเช็คที่สั่งจ่ายได้ง่ายๆ ทุกที่ทุกเวลา และสามารถสั่งพิมพ์ภาพเช็คได้ ช่วยให้การทำธุรกรรมทางการเงินของลูกค้าสะดวกสบายและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ยุคไอทีที่ใช้เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตในชีวิตประจำวัน

“ธนาคารกรุงเทพเป็นธนาคารแห่งแรกที่ได้ทำการพัฒนาระบบการแสดงภาพเช็คอย่างต่อเนื่อง โดยในเบื้องต้นจะให้บริการเรียกดูภาพเช็คที่เข้าระบบเคลียริ่งในเขตนครหลวง โดยลูกค้าบัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง และบิซ ไอแบงก์กิ้ง สามารถเรียกดูภาพเช็คย้อนหลังได้นานถึง 180 วัน ด้วยขั้นตอนง่ายๆ เพียงแค่คลิกตรงเลขที่เช็คในรายการบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน ก็สามารถเรียกดูภาพเช็คได้แล้ว”

นายวีระศักดิ์ สุตัณฑวิบูลย์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้อำนวยการธุรกิจลูกค้ารายกลางนครหลวง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า บริการตรวจดูภาพเช็คสั่งจ่ายผ่านบัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง และบิซ ไอแบงก์กิ้ง เป็นนวัตกรรมทางการเงินใหม่ล่าสุดที่ธนาคารพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอีที่ใช้เช็คในการทำธุรกรรมทางการเงินอยู่เป็นประจำ โดยบริการนี้จะช่วยให้การบริหารจัดการด้านการเงินของผู้ประกอบการมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพมุ่งมั่นสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอีด้วยผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินอันหลากหลาย ให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนและมั่นคง

สำหรับลูกค้าทั่วไปสามารถสมัครใช้บริการบัวหลวง ไอแบงก์กิ้งได้ง่ายๆ ผ่าน 2 ช่องทางคือ สมัครผ่านเครื่องเอทีเอ็มธนาคารกรุงเทพทุกแห่ง หรือกรอกใบสมัครแล้วยื่นที่สาขาธนาคารกรุงเทพ โดยรับใบสมัครได้ที่สาขา หรือดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.bangkokbank.com/ibanking ส่วนลูกค้านิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจการค้า สามารถสมัครใช้บริการบิซ ไอแบงก์กิ้ง โดยสั่งพิมพ์ใบสมัครและดูรายละเอียดจาก www.bangkokbank.com/bizibanking หรือติดต่อได้ที่สำนักธุรกิจและสาขาธนาคารกรุงเทพ




ที่มา:http://www.bangkokbank.com. 6 กันยายน 2554




สรุป


ธนาคารกรุงเทพได้นำเสนอบริการใหม่เอาใจลูกค้ายุคไอทีด้วยการเรียกดูภาพเช็คออนไลน์ได้ง่ายๆ ผ่านบัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง และบิซ ไอแบงก์กิ้ง มอบความสะดวกสบายแก่ลูกค้าให้สามารถตรวจสอบรายละเอียดเช็คที่สั่งจ่ายได้ทุกที่ทุกเวลา

“ธนาคารกรุงเทพเป็นธนาคารแห่งแรกที่ได้ทำการพัฒนาระบบการแสดงภาพเช็คอย่างต่อเนื่อง โดยในเบื้องต้นจะให้บริการเรียกดูภาพเช็คที่เข้าระบบเคลียริ่งในเขตนครหลวง โดยลูกค้าบัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง และบิซ ไอแบงก์กิ้ง สามารถเรียกดูภาพเช็คย้อนหลังได้นานถึง 180 วัน ด้วยขั้นตอนง่ายๆ เพียงแค่คลิกตรงเลขที่เช็คในรายการบัญชีเงินฝาก
กระแสรายวัน ก็สามารถเรียกดูภาพเช็คได้แล้ว”